• ครั้งที่ 3
• วัน พุธ ที่ 25 เดือน มกราคม 2560
ความรู้ที่ได้รับ
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
(Children with Speech and Language Disorders)
(Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
•
เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
•
ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
•
เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม"
เป็น "หก-กะ-ล้ม"
•
เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2.
ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
•
พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
•
การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
•
อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
•
จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
•
เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
•
3. ความบกพร่องของเสียงพูด
(Voice Disorders)ความบกพร่องของระดับเสียง
3. ความบกพร่องของเสียงพูด
(Voice Disorders)ความบกพร่องของระดับเสียง
•
เสียงดังหรือค่อยเกินไป
•
คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย
ของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย
ของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1.
การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)
มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
ไม่สามารถสร้างประโยคได้
มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา
อารมณ์ สมองผิดปกติ
ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน
ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า
Dysphasia หรือ aphasia
•
อ่านไม่ออก
(alexia)
•
เขียนไม่ได้
(agraphia )
•
สะกดคำไม่ได้
•
ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
•
จำคำหรือประโยคไม่ได้
•
ไม่เข้าใจคำสั่ง
•
พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
•
Gerstmann’s syndrome
•
ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
•
ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
•
คำนวณไม่ได้ (acalculia)
•
เขียนไม่ได้ (agraphia)
•
อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
•
ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ
ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
•
ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ
10 เดือน
•
ไม่พูดภายในอายุ
2 ขวบ
•
หลัง
3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
•
ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
•
หลัง
5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
•
มีปัญหาในการสื่อความหมาย
พูดตะกุกตะกัก
•
ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
(Children
with Physical and Health Impairments)
•
เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
•
อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
•
เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
•
มีปัญหาทางระบบประสาท
•
มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
•
เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
•
มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น
ๆ (Petit Mal)
•
อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
•
มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
•
เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
•
เด็กจะนั่งเฉย
หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง
(Grand Mal)
•
เมื่อเกิดอาการชัก
เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที
จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ
Partial Complex
•
มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
•
เหม่อนิ่ง
•
เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
•
หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว
(Focal Partial)
•
เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า
เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู
(Grand Mal)
•
เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ
และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน
ในกรณีเด็กมีอาการชัก
•
จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
•
ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
•
หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
•
ดูดน้ำลาย
เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
•
จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
•
ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
•
ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
ซี.พี.
(Cerebral Palsy)
(Cerebral Palsy)
•
การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ
หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
•
การเคลื่อนไหว
การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ
ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
•
spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
•
spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
•
spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
•
spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง
(athetoid , ataxia)
(athetoid , ataxia)
•
athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ
เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
ataxia
มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3.
กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
•
เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น
ๆ เสื่อมสลายตัว
•
เดินไม่ได้
นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
•
จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง
คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
•
ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ
(Infection) เช่น
วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
•
กระดูกหัก
ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคกระดูกอ่อน
(Osteogenesis Imperfeta)
Nick
Vujicic
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
•
มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
•
ท่าเดินคล้ายกรรไกร
•
เดินขากะเผลก
หรืออึดอาดเชื่องช้า
•
ไอเสียงแห้งบ่อย
ๆ
•
มักบ่นเจ็บหน้าอก
บ่นปวดหลัง
•
หน้าแดงง่าย
มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
•
หกล้มบ่อย
ๆ
•
หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ
การนำไปประยุกต์ใช้ นำไปสอนจริงๆได้กับเด็กในการเรียนการสอนรู้ถึงวิธีการดูและการสอนการป้องกันในหลายๆเนื้อหาที่เรียนไปในคาบนี้
ประเมินอาจารย์ อาจารย์สอนดีมีการยกตัวอย่างและคลิปวิดีโอ
ประเมินเพื่อน เพื่อนทุกคนตั้งใจฟังและตั้งใจเรียน
ประเมินตัวเอง เรียนไปก็จดไปดูคลิปที่อาจารย์เอามาให้ดูเป็นการเรียนที่เห็นภาพได้ชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น